การที่พนักงานหมดแรงทำงานกันทั้งองค์กร !! เป็นได้หรือ ? ที่จะเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น ผมเองก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าจะมีองค์กรที่พนักงานหมดแรงในการทำงานกันทุกคน เพราะยังเข้าใจว่าคนที่ขยันขันแข็งก็น่าจะยังมีหลงเหลืออยู่ในองค์กรบ้าง แต่ในความเป็นจริงนั้นผมได้เจอมาแล้วครับ กับองค์กรที่พนักงานไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน และเกือบทุกคนหมดแรงในการทำงาน กันจริงๆสาเหตุมาจากอะไรลองมาติดตามกันดูนะครับ องค์กรที่ผมพูดถึงนี้ เรียกได้ว่าเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และขนาดกลาง เป็นองค์กรที่มีระบบในการบริหารงานที่ดีมากด้วยซ้ำไป พนักงานเองก็เคยมีแรงจูงใจในการทำงานมาก่อน แต่จู่ๆ วันหนึ่ง แรงจูงใจเหล่านั้นก็ค่อยๆ หมดไป จนไม่เหลืออยู่เลย พนักงานที่เก่งๆ มีฝีมือดี ก็ทยอยออกจากบริษัทไปทำงานกับบริษัทอื่นที่ดีกว่า คนที่ยังคงอยู่ทำงานก็เป็นคนที่อยู่มานาน และไม่สามารถที่จะไปหางานที่อื่นได้ หรือไม่ก็ไม่รู้จะดิ้นรนไปทำไม ทำงานไปวันๆแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว
ลองมานั่งพิจารณาหาสาเหตุว่าทำไมความรู้สึกของพนักงานถึงเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ก็ประมวลเอาสิ่งที่ได้พูดคุยกับพนักงานและผู้จัดการขององค์กรเหล่านี้ พร้อมกับจากที่ผมประสบมาโดยตรง ก็สามารถสรุปสาเหตุได้ดังนี้ครับ
ผู้บริหารระดับสูงขาดความเป็นธรรมในเรื่องของผลงานและการให้รางวัล ประเด็นนี้เกิดขึ้นกับหลายองค์กรก็คือ บริษัทเองพยายามที่จะพัฒนาระบบประเมินผลงานที่ดี โดยใช้ตัวชี้วัดผลงานที่ชัดเจน และวัดได้ ซึ่งพนักงานเองก็ยินดีที่จะทำ เพราะมันมีความชัดเจนในตัวของมันเอง แต่พอเริ่มใช้จริงๆ พนักงานที่ทำงานได้ตามตัวชี้วัด กลับได้รางวัลตอบแทนน้อยกว่าพนักงานที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายผลงานที่ตั้งไว้ได้ สาเหตุก็คือสุดท้ายแล้ว การให้รางวัลตกไปอยู่ในกำมือของผู้บริหารระดับสูงเพียงคนเดียว ท่านไม่ดูด้วยซ้ำไปว่าผลงานของพนักงานแต่ละคนที่ออกมานั้นเป็นอย่างไร แต่ท่านสามารถที่จะใส่จำนวนขึ้น ใส่จำนวนโบนัสให้ได้ ผลสุดท้ายแรงจูงใจของพนักงานในการสร้างผลงานที่ดีก็เริ่มหดหายไป เพราะรู้แล้วว่าทำงานดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์เพราะสุดท้ายรางวัลที่ควรจะได้มันไม่ได้มาจากผลงาน
ผู้บริหารระดับสูงขาด Integrity กล่าวคือ เคยพูด หรือเคยสัญญาอะไรไว้กับพนักงานแล้ว แต่พอพนักงานทำได้ กลับไม่ทำตามสัญญาไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของรางวัลตอบแทนในรูปของโบนัสซะส่วนใหญ่ผู้บริหารระดับสูงบางคนพูดอย่างชัดเจนในวันประชุมใหญ่เลยว่า ถ้าบริษัทได้กำไรตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้จะให้โบนัส 4 เดือนเลย แต่พอถึงเวลากลับเหลือแค่ 2 เดือน พนักงานก็เริ่มรู้สึกไม่ดีว่าทำไมสัญญาถึงไม่เป็นสัญญาทั้งๆ ที่พนักงานเองก็พยายามทำงานสร้างผลงานจนได้ตามเป้าหมายที่กำหนด แต่กลับถูกผู้บริหารของตนเองผิดสัญญาเสียเอง ผลก็คือ พนักงานจะขาดแรงจูงใจในการทำงานทันที และจากนั้นก็จะเริ่มไม่เชื่อในคำพูดของผู้บริหารคนนี้อีกต่อไป คนที่ไม่พอใจและมีฝีมือก็ลาออกไปอยู่กับองค์กรอื่น ส่วนคนที่ไม่รู้จะโวยวายไปทำไม ได้ 2 เดือน ก็ยังดีกว่าไม่ได้ ก็ทำงานกันแบบเข้าชามเย็นชามกันไปเรื่อยๆ
ผู้บริหารระดับสูงขาดภาวะผู้นำที่ดี กล่าวคือ ผู้บริหารระดับสูงไม่มีการมองไปในอนาคตว่าองค์กรจะต้องพัฒนาอะไรในด้านใดบ้าง เข้ามาบริหารในฐานะที่เป็นผู้จัดการมากกว่าผู้นำ ผลก็คือ เวลาพนักงานไฟแรงๆ เอาสิ่งที่ดีๆ มานำเสนอ ผู้นำเหล่านี้ก็มักจะมีข้อจำกัดในใจตนเอง ว่าที่ทำอยู่เดิมนี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องไปเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาอะไรให้มันเหนื่อยเลย ผลก็คือ งานก็ไม่มีอะไรใหม่ พนักงานที่เสนอ ก็เริ่มหมดไฟเพราะเสนอที่ไรก็เป็นหมันทุกที ก็เลยออกไปเสนอความคิดดีๆ ให้กับบริษัทที่มีผู้นำที่มีไฟและมีวิสัยทัศน์กว้างไกลจะดีกว่า พนักงานที่อยู่ทำงานในปัจจุบัน ก็ทำตามหน้าที่ไปวันๆ ซึ่งก็เข้าทางผู้นำคนนี้พอดี ทั้งผู้นำและผู้ตามเข้าขากันได้อย่างดี ผลสุดท้ายพนักงานในองค์กรก็ทำงานกันแบบเรื่อยๆ
สาเหตุ 3 ข้อหลักนี้เองที่เป็นส่วนหนึ่ง (อาจจะมีอีกหลายสาเหตุ) ที่ทำให้พนักงานขาดแรงจูงใจอย่างแรง และทำให้บรรยากาศในการทำงานในองค์กรไม่มีความคึกคัก สนุกสนาน ตรงกันข้ามกับมีความอึมครึม เงียบเหงา และค่อยๆ เฉาไปเรื่อยๆ ถ้าผู้บริหารไม่รีบจัดการแก้ไขเสียตั้งแต่เนิ่นๆ องค์กรนี้จะกลายเป็นแดนสนธยา ยากที่จะเยียวยา และยากที่จะปลุกความฮึกเหิม และจุดไฟให้กับพนักงานให้เกิดขึ้นใหม่ได้อีก